แม้ว่าดูเผิน ๆ แล้วแต่ละชิ้นจะดูคล้ายกันไปหมด แต่อันที่จริงแล้ว ไม่เหมือนกันเสียทีเดียวนะคะ บางรุ่นอาจจะโค้งเว้ามากเพื่อรับกับเบ้าตา บางรุ่นยางแข็งเกินไปดัดแล้วเจ็บก็มี ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้จะส่งผลต่อการใช้งาน ดังนั้น สาว ๆ ควรจะเลือกอย่างไรให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด มาดูพร้อมกันเลย!

ตามที่ได้เกริ่นไปเมื่อสักครู่ เบ้าดัดขนตามีความยาวและองศาที่เว้าลงไปไม่เท่ากัน สาว ๆ จึงควรเลือกรุ่นที่มีลักษณะเข้ากับรูปทรงตาของตัวเองให้มากที่สุดนะคะ

โดยทั่วไปแล้ว เบ้าดัดมักจะมีความยาวอยู่ที่ 3-4 cm ซึ่งดูเหมือนว่าความแตกต่างเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ไม่น่าจะส่งผลเวลาใช้เท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความยาวที่ต่างกันเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตรก็มีผลแล้วค่ะ ทางที่ดี สาว ๆ ควรเลือกรุ่นที่มีขนาดพอดีกับดวงตาของเราให้ใกล้เคียงได้มากที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ให้เลือกแบรนด์แถบเอเชียก็น่าจะเข้ากับรูปตาเรา ๆ มากกว่าแบรนด์จากฝั่งยุโรปหรืออเมริกานะคะ

นอกจากนี้ องศาความโค้งก็มีผลเช่นกัน เพราะถ้าเลือกผิด ไปซื้ออันที่องศาไม่รับกับดวงตาของเรา เวลาใช้งานจริงก็จะดัดได้ไม่สมบูรณ์แบบ เหลือส่วนหัวกับหางตาที่เป็นพื้นที่แคบเข้าถึงยาก หรือดีไม่ดีอาจใช้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

นอกจากความแตกต่างเรื่องความยาวของเบ้าตาแล้ว ลักษณะชั้นตาก็สำคัญเช่นกันนะคะ สำหรับสาว ๆ ที่มีตาชั้นเดียวหรือสองชั้นหลบใน แนะนำให้เลือกที่ดัดขนตาที่มีเบ้าดัดค่อนข้างเรียบตรงแบบรูปบน ส่วนคนตาสองชั้นหรือมีเบ้าตาลึกให้เลือกเบ้าดัดโค้งลงรับกับดวงตาเล็กน้อยแบบรูปล่าง

นอกจากนี้ แม้ว่าความยาวของเบ้าตาและลักษณะชั้นตาจะเหมือนกัน แต่คนเรามักมีลักษณะหางตาที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งรายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ สามารถส่งผลต่อผลลัพธ์ในการดัดได้ทีเดียวค่ะ ดังนั้น เวลาเลือกซื้อ แนะนำให้ลองสอดเจ้าที่ดัดขนตานี้เข้ากับเบ้าตาจริง แล้วส่องกระจกดูก่อนว่าองศาพอดีกับเบ้าตาของเราไหมนะคะ

นอกจากรูปทรงของเบ้าดัดแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องคำนึงคือ "ประเภทของที่ดัด" คิดไม่ถึงกันใช่ไหมล่ะคะว่า เจ้าไอเทมเล็ก ๆ ชิ้นนี้จะมีหลายแบบกับเค้าด้วย ว่าแล้วเราก็มาดูกันดีกว่าว่า แต่ละแบบมีคุณสมบัติเด่นและเหมาะกับการใช้งานอย่างไรกันบ้าง

ถ้าพูดถึงที่ดัดขนตาแล้ว ภาพที่ทุกคนนึกถึงก็คงจะหนีไม่พ้นแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ เพราะมีวางขายอยู่ทั่วไป โดยสามารถครอบขนตาของเราทั้งหมด ใช้งานได้ด้วยการจับที่ดัดให้มั่นคงและออกแรงด้วยมือของเราเอง สามารถปรับระดับความงอนของขนตาได้จากการออกแรงดัด ทั้งยังมีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งน่าจะครอบคลุมทุกรูปทรงเปลือกตาของสาว ๆ ค่ะ

จะว่าเป็นคู่ปรับของแบบแรกก็ได้ค่ะ เพราะมีการใช้งานนั้นตรงข้ามกันเลย ประเภทนี้อาศัยแรงจากสปริง โดยเราแทบไม่ต้องออกแรงก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกันแล้ว ทำให้เสี่ยงต่อการทำร้ายขนตาน้อยกว่าแบบอื่น ๆ เหมาะสำหรับคนที่กะแรงในการกดไม่ค่อยถูก

สาวตาชั้นเดียว ตาสองชั้นหลบในหรือใครที่ไม่อยากปวดหัวหรือหงุดหงิดกับการหาขนาดที่ดัดขนตาที่พอดีกับเบ้าตาของตัวเองล่ะก็ แนะนำให้เลือกใช้แบบนี้แทนเลยค่ะ เพราะมีเบ้าดัดเล็ก ดัดได้ทุกรูปแบบและทุกส่วนที่ต้องการ แม้ในพื้นที่แคบอย่างบริเวณหัวและหางตา

นอกจากนี้ ด้วยเพราะการใช้งานที่ทำให้เก็บรายละเอียดได้ดีกว่าแบบอื่น ๆ จึงเหมาะกับการใช้เสริมควบคู่ไปกับการใช้แบบทั่วไปหรือแบบสปริง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้ขนตา

ที่ดัดขนตาแบบใช้ความร้อนนี้จะช่วยให้ขนตาโค้งงอนและเด้งตั้งแต่โคนจรดปลาย พร้อมคงรูปได้ยาวนานเพราะมีการปล่อยความร้อนออกมา คนที่ดัดขนตาแบบธรรมดาแล้วไม่ค่อยงอน น่าจะเหมาะกับที่ดัดแบบนี้เลยค่ะ อาจจะยังไม่ค่อยเป็นที่แพร่หลายในบ้านเราเท่าไรกันนัก แต่ก็เริ่มมีการนำเข้ามาจำหน่ายแล้ว หรือถ้าใครมีโอกาสไปญี่ปุ่นหรือต่างประเทศลองไปหาซื้อดูกันนะคะ

แม้ว่าที่ดัดขนตาจะเป็นไอเทมที่ทนทานจนแทบจะคงกระพัน แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะอยู่ได้ถาวรขนาดนั้นหรอกค่ะ ยิ่งถ้าใครใช้งานทุกวันด้วยแล้ว ยางที่รองเบ้าดัดจะยิ่งเสื่อมสภาพเร็วขึ้น แนะนำให้มองหารุ่นที่มียางสำรองมาให้ หรือสามารถหาซื้อมาเปลี่ยนเองได้ เพราะหากไม่เช็กให้ดีก่อน แล้วรุ่นที่ซื้อมานั้นเปลี่ยนยางไม่ได้ล่ะก็ พอใช้ไปนาน ๆ เข้าจนยางเสื่อมคุณภาพเมื่อไหร่ ก็คงต้องซื้อเปลี่ยนใหม่ทั้งอันเลยล่ะค่ะ

ตอนนี้สาว ๆ คงจะรู้จักกับไอเทมที่ดัดขนตากันมากขึ้นแล้ว ลำดับต่อไป เรามาดูข้อมูลสินค้าที่น่าสนใจ ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานจริงหลาย ๆ คนกันดีกว่าค่ะ ขอให้ทุกคนได้รุ่นที่เหมาะกับตัวเองกันมากที่สุดนะคะ

ตอนนี้สาวๆก็คงจะมีผลิตภัณฑ์ที่เล็งเอาไว้แล้ว แต่อย่าเพิ่งปิดบทความนี้ไปนะคะ เรายังต้องเรียนรู้วิธีใช้อย่างถูกวิธีกันด้วย

หนึ่งในปัญหาใหญ่ของสาวๆที่เพิ่งเริ่มหัดใช้ที่ดัดขนตาคือ “ใช้ไม่เป็น” ดัดแล้วขนตาไม่งอน มากกว่านั้น คือ หนีบโดนเปลือกตา ถ้าใครไม่อยากเป็นอย่างนั้นล่ะก็ รีบตามอ่านเคล็ดลับดี ๆ ที่ด้านล่างนี้เลย

แม้ว่าการใช้ที่ดัดขนตาจะช่วยให้ขนตาของเราโค้งงอนขึ้นแล้ว แต่การฝืนธรรมชาติแบบไม่มีตัวช่วยล็อกทรง สุดท้ายแล้วขนตาก็จะกลับมาตรงแหน่วเหมือนเดิมค่ะ และถ้าใครเคยมีความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่าต้องปัดมาสคาร่าก่อนแล้วค่อยดัดขนตาซ้ำ ต้องเลิกเลยนะคะ! การทำอย่างนั้นจะยิ่งทำให้พังกันเข้าไปใหญ่ เพราะมาสคาร่าอาจจะเลอะเปลือกตาหรือจับติดกันเป็นก้อนได้ ขั้นตอนที่ถูกต้องคือ “ดัด ก่อนปัดมาสคาร่า”

• ขั้นแรก : สอดนิ้วโป้งกับนิ้วกลางที่ห่วงของที่ดัดขนตาและวางนิ้วชี้เหนือห่วงนิ้วกลางขึ้นไป โดยท่าจับนี้เป็นท่าที่ช่วยให้ใช้งานได้สบายมือที่สุด ทำให้ดัดขนตาได้สวยมากขึ้น


• ขี้นที่ 2 : เริ่มดัดตั้งแต่โคนขนตา โดยค้างไว้เล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ ดัดย้ำ ๆ แต่ระวังโดนเปลือกตานะคะ


• ขั้นที่ 3 : มาถึงส่วนกลางขนตา ให้เพื่อนๆดัดแล้วยกข้อมือขึ้น ลงแรกน้อยลง แล้วค่อย ๆ ไล่ไปจนถึงส่วนปลาย เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนตาโค้งงอนสวยที่อยู่ทรงนานแล้วค่ะ

บางคนเข้าใจว่ายิ่งออกแรงเยอะ ขนตาจะยิ่งโค้งงอนและอยู่ทรงนาน แต่ถ้ามากเกินไปอาจทำให้ขนตาหลุดได้นะคะ ถึงตอนนั้นแล้วทั้งเจ็บ ทั้งเสียดายเลย เพราะกว่าขนตาจะขึ้นใหม่ใช้เวลาพอสมควรเลย

แม้ว่าจะไม่ใช่ไอเทมที่สัมผัสกับผิวหนังหรือมีโอกาสสะสมเชื้อโรคมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆจะไม่ต้องทำความสะอาดอะไรเลยนะคะ เพราะอาจมีคราบฝุ่นหรือคราบเครื่องสำอางเปรอะเปื้อนโดยที่เราไม่รู้ตัวได้ ซึ่งถ้ายิ่งสะสมไว้มาก ๆ อาจเป็นอันตรายกับดวงตา จึงควรทำความสะอาดหลังใช้ทุกครั้ง เพื่อสุขลักษณะที่ดี

บางคนอาจจะคิดว่า 'เปลี่ยนทำไม ยังใช้ได้อยู่เลย' แต่ถ้าคุณเริ่มสังเกตว่ายางมีอาการเสื่อมสภาพ เช่น ดีดตัวออกจากแป้นหรือไม่ค่อยยืดหยุ่นเท่าที่ควร ฯลฯ แนะนำให้เปลี่ยนใหม่เลยค่ะ เพราะยางที่เสื่อมสภาพจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของการดัดขนตา ทางที่ดีควรเปลี่ยนยางอย่างน้อยทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้ที่ดัดขนตาทำงานได้ดีดังเดิมและลดความเสี่ยงการเกิดของแบคทีเรียอันเนื่องมาจากคราบเครื่องสำอางสะสมนะคะ

จบกันไปแล้วกับบทความดี ๆ ในวันนี้ ไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมคะแค่ที่ดัดขนตาเล็ก ๆ หนึ่งชิ้นจะมีหลายสิ่งที่ต้องคำนึงขนาดนี้ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงแล้ว อย่าหยุดสวยค่ะ! อะไรที่เลือกได้ก็ต้องเลือก เราจะได้มีฟินิชลุคที่ออกมาเพอร์เฟ็คที่สุด โดยเฉพาะกับดวงตาที่เปรียบเสมือนหน้าต่างของหัวใจ ถ้าเลือกพลาดขึ้นมาที มีเละแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การได้ที่ดัดขนตาดี ๆ สักชิ้นหนึ่งไปแล้วยังไม่พอหรอกนะคะ สาวๆอย่าลืมมองหามาสคาร่าปัดขนตาเพิ่มเติมด้วยนะคะ โดยควรเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด และที่สำคัญต้องมีส่วนผสมที่ปลอดภัยกับดวงตาของเราด้วย เพื่อการดูแลที่สมบูรณ์แบบ